รายงานล่าสุดจาก World Population Review ประจำปี 2025 ได้เปิดเผยผลการจัดอันดับระบบการศึกษาทั่วโลก ซึ่งสร้างความสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อพบว่า กัมพูชา ยังคงรั้งท้ายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน โดยอยู่ในอันดับที่ 120 ของโลก แม้จะเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในภูมิภาค แต่ภาคการศึกษาของกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงอย่าง พนมเปญ และเมืองสำคัญอื่นๆ ยังคงเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและโอกาสทางการศึกษาอย่างหนัก
เจาะลึกปัญหาหลักในระบบการศึกษาของกัมพูชา
รายงานของ World Population Review ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างหลายประการที่ฉุดรั้งคุณภาพการศึกษาในกัมพูชา:
- ขาดแคลนครูที่มีทักษะและการพัฒนาวิชาชีพ: ครูจำนวนมากยังคงขาดโอกาสในการเข้าถึงการฝึกอบรมและการพัฒนาวิชาชีพที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน
- สิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอ: โรงเรียนหลายแห่งทั่วประเทศยังคงขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เช่น อาคารเรียนที่เหมาะสม, อุปกรณ์การเรียนการสอน, หนังสือเรียนที่มักจะล้าสมัย และการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้
- อัตราการเรียนจบระดับสูงที่ต่ำ: แม้กัมพูชาจะแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้วยอัตราการเข้าเรียนระดับประถมที่สูงถึง 99.6% ในปี 2024 แต่ตัวเลขนี้กลับสวนทางกับอัตราการเรียนจบในระดับที่สูงขึ้น โดยมีเยาวชนเพียง 44% เท่านั้นที่สามารถจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย และน้อยกว่า 20% ที่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
- ช่องว่างความเหลื่อมล้ำ: ความแตกต่างของคุณภาพการศึกษาและโอกาสทางการศึกษาระหว่างพื้นที่เมืองและชนบท รวมถึงระหว่างกลุ่มเศรษฐกิจต่างๆ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการพัฒนาการศึกษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
แม้กระทรวงศึกษาธิการของกัมพูชาจะออกมาโต้แย้งการจัดอันดับบางส่วน โดยยกตัวอย่างความก้าวหน้าในการเพิ่มอัตราการเข้าเรียนและการลงทุนในวิชาด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ผ่านโครงการ “New Generation Schools” แต่ก็ยอมรับว่าประเด็นเรื่องคุณภาพการศึกษาและความเท่าเทียมยังคงเป็นความท้าทายหลักที่ต้องเผชิญ
ภาพรวมการศึกษาในพนมเปญ : ความเหลื่อมล้ำในเมืองหลวง
ในขณะที่กรุงพนมเปญ ในฐานะเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ ได้รับการสนับสนุนมากกว่าพื้นที่ชนบท โรงเรียนในเมืองหลวงมักจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีและการเรียนการสอนวิชาด้าน STEM
อย่างไรก็ตาม ความเหลื่อมล้ำยังคงเป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดในหลายเขตของกรุงพนมเปญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านคุณภาพครู, โครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียน และการเข้าถึงทรัพยากรการศึกษา การขาดแคลนโอกาสที่เท่าเทียมกันนี้ ประกอบกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจและความไม่พร้อมของสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ส่งผลให้เด็กนักเรียนจำนวนมากจำต้องลาออกจากการศึกษาก่อนที่จะสำเร็จระดับมัธยม
อะไรคือสาเหตุของช่องว่างด้านการศึกษาในอาเซียน?
รายงานยังได้วิเคราะห์ปัจจัยที่ก่อให้เกิดช่องว่างด้านคุณภาพการศึกษาในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งกัมพูชาเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนถึงปัญหาเหล่านี้:
- ความไม่เท่าเทียมด้านงบประมาณ: ประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่นคงกว่าและมีการลงทุนในภาคการศึกษาสูงกว่า มักจะแสดงผลการศึกษาที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ช่องว่างระหว่างเมือง-ชนบท: การเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพยังคงเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในหลายพื้นที่ห่างไกลและชนบทของหลายประเทศในภูมิภาค
- เสถียรภาพทางการเมืองและสังคม: ประเทศที่มีความขัดแย้งภายในหรือการบริหารจัดการที่ไม่มั่นคง มักจะมีระบบการศึกษาที่พัฒนาได้ช้ากว่าและเผชิญกับอุปสรรคมากกว่า
- นโยบายและการปฏิรูป: การมีหรือไม่มีความมุ่งมั่นในการกำหนดนโยบายและการปฏิรูปการศึกษาในระยะยาว ส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการและคุณภาพการศึกษาของประเทศนั้นๆ
ทางออกของกัมพูชาและอาเซียน : ร่วมมือเพื่ออนาคตการศึกษาที่ยั่งยืน
เพื่อที่จะปิดช่องว่างด้านการศึกษาเหล่านี้ ประเทศในอาเซียน รวมถึงกัมพูชา จำเป็นต้องให้ความสำคัญและร่วมมือกันในประเด็นสำคัญดังต่อไปนี้:
- การจัดสรรงบประมาณอย่างเท่าเทียม: โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มการลงทุนและการสนับสนุนทางการเงินให้กับนักเรียนในพื้นที่ชนบทและกลุ่มด้อยโอกาส เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
- การฝึกอบรมครูและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง: การลงทุนในการพัฒนาวิชาชีพครูเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน
- ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรียน: การจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอ และการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอน
- นโยบายลดอัตราการลาออกกลางคัน: การสร้างแรงจูงใจและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มอัตราการจบการศึกษาระดับมัธยมและส่งเสริมการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
- สร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค: การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดี, นวัตกรรมด้านการศึกษา และทรัพยากรระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค